1609
วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557
โรคหัวใจ โรคแอบแฝงที่ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงไม่ควรละเลย
จากข้อมูลทางการแพทย์ระบุไว้ว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีโอกา ศเสียชีวิตจากหัวใจวายถึง 60 - 75% เนื่องจากคนส่วนใหม่ที่มีความดันโลหิตสูงมักจะไม่รู้ตัวว่าเป็น เพราะไม่แสดงอาการเลยไม่ได้ให้ความสนใจแต่เมื่อเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรก ซ้อนแล้ว จึงเริ่มสนใจและรักษา นั่นอาจจะทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการควบคุมความดันโลหิตให้ปกติอย่างสม่ำเสมอสามารถลดโอกาสการเกิด อัมพฤกษ์อัมพาต หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ดังนี้
1. อายุ ส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นความดันโลหิตจะสูงขึ้น ตัวอย่าง เช่น อายุ 18 ปี ความดันโลหิตเท่ากับ 120/70 มม.ปรอท แต่พออายุ 60 ปี ความดันโลหิตอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 140/90 มม.ปรอท
2. เวลา ความดันโลหิตจะขึ้นๆ ลงๆ ไม่เท่ากันอาจจะวัดได้ 130 มม.ปรอท ขณะที่ตอนบ่ายอาจจะวัดได้ 140 มม.ปรอท และขณะนอนหลับอาจจะวัดได้ต่ำถึง 100 มม.ปรอท เป็นต้น
3. จิตใจและอารมณ์ พบว่ามีผลต่อความดันโลหิตมากขณะที่ได้รับความเครียดอาจทำให้ความดันโลหิตสูงกว่าปกติได้ถึง 30 มม.ปรอท
4. เพศ พบว่าเพศชายจะเป็นความดันโลหิตสูงได้บ่อยกว่าเพศหญิง
5. พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม ผู้ ที่มีบิดาและมารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้มากกว่า ผู้ที่ไม่มีประวัติในครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมที่เคร่งเครียด ก็จะทำให้มีแนวโน้มการเป็นโรคความดันดลหิตสูงขึ้นด้วนเช่นกัน
6. สภาพภูมิศาสตร์ ผู้ที่อยู่ในสังคมเมืองจะพบภาวะความดันโลหิตสูงมากกว่าในสังคใชนบท
7. เชื้อชาติ พบว่าชาวนิโกรอเมริกันความดันโลหิตสูงมากกว่าขาวอเมริกันผิวขาว
8. ประมาณเกลือที่รับประทาน ผู้ที่รับประทานเกลือมากจะมีโอกาสเกิดโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าผู้ที่รับประทานเกลือน้อย
อาการของผู้ป่วยความดันโลหิต ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเป็นโรคหัวใจ
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงอาจจะไม่มีอาการใดๆเลย หรือ มีอาการปวดศรีษะ มึนงง เวียนศรีษะ และเหนื่อยง่ายผิดปกติ นอกจากนี้อาจจะมีอาการแน่นหน้าอกหรือนอนไม่หลับความดันโลหิตสูง ซึ่งอาจก่อทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 2 กรณี ด้วยกันคือ
กรณีที่ 1 ภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูงโดยตรงได้แก่ภาวะหัวใจวาย หรือหลอดเลือดในสมองแตก
กรณีที่ 2 ภาวะ แทรกซ้อนจากหลอดเลือดแดงตีบหรือตัน เช่นกล้ามเนื้อขาดเลือดเฉียบพลันหรือรื้อรัง ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวัดและอาจจะทำให้ถึงแก้ชีวิตได้ หลอดเลือดในสมองแตกตีบ เกิดอัมพฤกษ์อัมพาตหรือหลอดเลือดแดงในไตตีบมากถุงขั้นไตวายเรื้อรังได้
ภาวะแทรกซ้อน
- หัวใจทำงานหนักขึ้นทำให้ผนังหัวใจหนาตัว และถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ผนังหัวใจจะยืดออกและเสียหน้าที่ ทำให้เกิดหัวใจโตและหัวใจวายในที่สุด
- อาจเกิดภาวะหลอดเลือดในสมองตีบตันหรือแตก ทำให้เป็นอัมพาตหรือชีวิตได้ ถ้าเป็นเรื้อรังอาจกลายเป็นโรคความจำเสื่อม สมาธิลดลง
- เลือดอาจเลี้ยงไตไม่พอ เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อมทำให้ไตวายเรื้อรังและภาวะไตวาย จะยิ่งทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นอีก
- หลอดเลือดแดงในตาจะเสื่อมลงอย่างช้าๆ อาจมีเลือดที่จอตา ทำให้ประสาทตาเสื่อม ตามัวลงเรื่อยๆ
ป้องกัน...รักษาโรคหัวใจแทรกซ้อนจากการเป็นความดันโลหิตสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตัวอย่างเช่น การเดินเร็วๆ วิ่งเยาะๆ หรือว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ควรออกกำลังกายประมาณ 15 -20 นาที อย่างน้อย 3 - 6 ครั้ง/สัปดาห์
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพื่อลดปริมาณเกลือซึ่งจะทำให้ความดันโลหิตสูง
- ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดบุหรี่
- ลดความเครียดของงานและภสวะแวดล้อม
- ลดน้ำหนักตัวโดยเฉพาะในรายที่น้ำหนักเกินมาตรฐาน ความอ้วนถือเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคความดันโลหิตสูง
- รับประทานยา และพบแพทย์สม่ำเสมอขอขอบคุณบทความจาก : นพ. กิติกร วิชัยเรืองธรรม
อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์รักษาโรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เทพารักษ์