"กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์มุ่งมั่นให้การดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพ สร้างเสริมชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : โรงพยาบาลจุฬารัตน์ เทพารักษ์ คุณภาพมาตรฐานโลก JCI : สอบถามข้อมูลบริการต่างๆของโรงพยาบาลได้ที่เบอร์ 02-7692900-9, 02-7389900-7, 038-500300-99 หรือ สายด่วน 1609 ตลอด 24 ชั่วโมง"

1609

1609

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557

ฝังแร่..ทางเลือกใหม่รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก โดยไม่ต้องผ่าตัด (ตอนที่ 2)

แม้ว่า “โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก” จะสามารถรักษาให้หายขาดด้วยการผ่าตัด หรือ การฉายรังสี แต่อาจมีผลต่อการใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิตหลังการรักษาทั้งปัญหา ปัสสาวะรั่ว การหมดสมรรถภาพทางเพศ ..แต่ผลที่ตามมาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อมีทางเลือกการรักษาแนวใหม่ด้วยวิธีการ “ฝังแร่”


           นายแพทย์วิรุณโทณะวณิกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์มายาวนานกว่า 30ปีและเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งของต่อมลูกหมาก มากว่า 17 ปี จากศูนย์รักษามะเร็งด้วยรังสีคริสเตียน่าแคร์ มลรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากในปัจจุบันมีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น การให้ฮอร์โมน การฉายรังสี และการผ่าตัด แต่วิธีการรักษาดังกล่าวก่อให้เกิดมีผลข้างเคียงตามมาและทำให้คุณภาพชีวิต หลังการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร เช่น กรณีการฉายรังสีจะทำลายสมรรถภาพทางเพศลงไปประมาณ 50% หรือ การผ่าตัด จะทำลายสมรรถภาพทางเพศไปกว่า 50%หรือทั้งหมดและยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่หลายอาทิตย์
          ในปัจจุบันการฝังแร่กัมมันตภาพรังสีเข้าไปในต่อมลูกหมากเพื่อใช้รังสีจากแร่ รักษามะเร็งต่อมลูกหมากกำลังเป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมมาก โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะมีโอกาสรักษามะเร็งต่อมลูกหมากที่เพิ่งเป็นในระยะเริ่มต้นให้หายขาดได้


          “การรักษาโดยการฝังแร่กัมมันตภาพรังสี ให้ผลการรักษาเท่าเทียมกับการผ่าตัด แต่ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัดไม่ต้องฉายแสง ไม่มีแผล ไม่เจ็บตัวมาก และที่สำคัญคือ มีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศน้อยกว่าการผ่าตัดและฉายแสง และไม่มีผลต่อการกลั้นขับถ่าย ปัสสาวะ วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมมากในสหรัฐ”

          คุณหมอวิรุณ กล่าวว่า การรักษาด้วยวิธีการนี้ เป็นการฝังเม็ดแร่ เพื่อเป็นต้นกำเนิดของรังสี คล้ายกับการเอ็กซเรย์ เพื่อให้รังสีที่แผ่ออกมาทำลายเซลล์มะเร็งในต่อมลูกหมาก โดยไม่กระทบกระเทือนอวัยวะใกล้เคียงอื่นๆดังนั้นโอกาสแทรกซ้อนที่รังสีจะไป ทำลายอวัยวะปกติรอบๆต่อมลูกหมากไม่มี จึงไม่มีความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคหัวใจ หรือความดันผิดปกติต่างจากวิธีการรักษาด้วยการฉายแสง หรือ การผ่าตัด ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดมาก

          สำหรับเม็ดแร่ที่ฝังเข้าไปในต่อมลูกหมาก เพื่อรักษามะเร็งนั้น คุณหมอวิรุณ กล่าวว่า ในปัจจุบันมีเม็ดแร่ 3 ชนิด แต่ที่มักใช้กันอยู่มี2 ชนิด คือ เม็ดแร่ไอโอดีน-125 และเม็ดแร่พาเลเดียม-103 ซึ่งเม็ดแร่ของทั้งสองชนิดนี้จะมีความต่างกันที่ค่าครึ่งชีวิต (Half - Life) หรือ เวลาที่ใช้ไปจนตัวแร่จะสูญสิ้นกัมมันตภาพรังสี

          โดยเม็ดแร่รังสีไอโอดีน-125 มีลักษณะเปลือกภายนอกทำจากโลหะไทเทเนียม ซึ่งไม่ผลต่อภาวะกรด ด่าง ต่อของเหลวในร่างกายคนเรา ภายในบรรจุด้วยสารไอโอดีน-125 ซึ่งเม็ดแร่ชนิดนี้จะมีค่าครึ่งชีวิตยาวกว่าจะสูญสิ้นประมาณ 1 ปี ขณะที่เม็ดแร่พาเลเดียม-103 ลักษณะภายนอกจะเหมือนกับแร่งรังสีไอโอดีนทุกประการ เพียงแต่ต่างกันที่ค่าครึ่งชีวิตของสารตัวนี้อยู่ได้เพียง 17 วัน และยังมีราคาสูงกว่าแบบแรก 2-3 เท่า

          “เม็ดแร่รังสีทั้งหมดจะสั่งนำเข้ามาจากสหรัฐฯ จึงต้องใช้เวลาชีวิตของแร่รังสีที่มีชีวิตยาว เพื่อให้อยู่ได้นานในไทยเราจึงจำเป็นต้องใช้เม็ดแร่รังสีไอโอดีนในการฝัง เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก”

          คุณหมอวิรุณ ยังอธิบายถึงวิธีการฝังแร่ด้วยว่าในขั้นแรกจะเริ่มจากการวัดขนาดและหา ตำแหน่งของต่อมลูกหมากก่อน โดยการอัลตร้าซาวด์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้น จึงใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อกำหนดตำแหน่งของเม็ดแร่รังสีและตำแหน่งเข็ม เพื่อให้ต่อมลูกหมากได้รับปริมาณรังสีเทาที่แพทยต์ ้องการ โดยการใช้เครื่องมือยิงแร่หรือปืนมิกเข้าไปที่ตำแหน่งตามโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่กำหนดไว้ ซึ่งทำให้มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด

          “หลังจากฝังแร่ไปแล้วมะเร็งจะตายภายในระยะเวลาหลัง 3-6 เดือน จากนั้นจึงติดตามด้วยการเจาะเลือดหาค่า PSA ซึ่งค่าจะต้องต่ำลงไปเรื่อยๆ หลังได้รับการฝังแร่ เพราะมะเร็งเริ่มตายและสุดท้ายค่า PSA จะลงเหลือประมาณ 0.2หรือ 0.1 เทียบกับคนปกติจะมีค่าไม่เกิน 4ng/mLและส่วนใหญ่เมื่อผ่านไป 3 ปี จะหายขาด”

          คุณหมอวิรุณ ให้คำแนะนำด้วยว่า ในชายที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรเจาะเลือดหาค่า PSA ตั้งแต่อายุ 40 ปีทุกๆ ปี หากพบว่ามีค่าสูงขึ้นถึง 2.5 ng/mL ก็ควรได้รับการตรวจถี่ขึ้นเป็นปีละ 2 ครั้ง และในผู้ชายทั่วไปที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อไปสุขภาพประจำปีควรตรวจหาค่าPSA ด้วย เพราะเป็นโรคเฉพาะที่เกิดกับเพศชาย และเพื่อป้องกันความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงการใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเอง เช่น เลิกสูบบุรี่ กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เป็นต้น

          “การฝังแร่” จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติรวมทั้งประเทศไทยเพราะถือว่ามีประสิทธิภาพสูง สุดและหายขาดได้หากรีบรักษาในระยะเริ่มแรก แต่ถ้าตรวจพบช้ารักษาไม่ถูกวิธีก็เป็นเหตุให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อมและมะเร็ง แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆจนยากแก่การรักษา


          นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์รักษามะเร็งด้วยรังสีคริสเตียน่าแคร์ มลรัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา บินตรงกลับมาเพื่อให้คำปรึกษาที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เทพารักษ์ กม 14.5

          ท่านสามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และขอคำปรึกษาได้ที่ Call Center 1609 หรือ 085-111-2095 Urologist Consult โทร 02-769-2900 ติดต่อแผนกทางเดินปัสสาวะ