โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เมื่อก่อน อาจเป็นเรื่องของผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบัน เกิดกับผู้ที่มีอายุน้อยลงเรื่อย ๆ จนกลายเป็นสาเหตุการเสียชีวิต อันดับ ต้นๆเมื่อเปรียบเทียบในรอบ 10 ปี จากปี 2543-2552 ข้อมูลการรักษาในสถานบริการสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า โรคหัวใจขาดเลือดจาก 98.03 เป็น 359.34 ต่อประชากรแสนคน
โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันคืออะไร ? การที่มีเนื้อเยื่อไขมันผสมกับพังผืดจับตัวกันเป็นแผ่นนูนหรือ PLAQUE ตามผนังชั้นในของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ ทำให้รูตรงกลางหรือเส้นหรือเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กลง ผลก็คือกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่เลี้ยงโดยหลอดเลือดนั้นได้รับเลือดไม่พอเกิด อาการแน่น เจ็บหน้าอก เหนื่อย หอบ โดยเฉพาะเมื่อมีการออกกำลัง สาเหตุและ พยาธิกำเนิด หลอดเลือดแดงที่เลี้ยงหัวใจจึงมีการตีบตัน การเสื่อมของผนังหลอดเลือด ทำให้ผนังหลอดเลือดที่เคยอ่อนนุ่มและยืดหยุ่นง่าย กลายเป็นผนังที่แข็ง เนื่องจากปูนและไขมันไปจับ เหมือนขี้สนิมขี้ดินขี้ทรายที่เข้าไปพอกอยู่ในท่อน้ำต่างๆ จนในที่สุดท่อน้ำนั้น ก็ตีบตัน |
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ - ปัจจัยที่ควบคุมได้ ได้แก่ ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ- ความดันโลหิตสูง- โรคเบาหวาน - บุหรี่ - ความเครียด – ภาวะอ้วนและภาวะขาดการออกกำลังกาย - ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ได้แก่ อายู เพศ พันธุกรรม กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือตายจะมีอาการอย่างไร มักมีอาการแน่นหน้าอก เหมือนมีของหนักทับ อาจปวดร้าวไปที่แขน หรือ ลำคอด้านซ้าย เหงื่อแตก ใจสั่น โดยอาการจะกำเริบขณะออกแรง หากหลอดเลือดตีบมาก อาจมีอาการขณะนั่งพัก ได้ บางราย มาพบแพทย์ด้วยอาการ เหนือ่ยง่าย หากได้รับการรักษาไม่ทัน อาจ เป็น ลมวูบหมดสติ และเสียชีวิตได้ หากมีอาการดังกล่าว ข้างต้น ควรรีบพบแพทย์ โดยทันที |
การตรวจเพื่อยืนยัน โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
แพทย์จะทำการตรวจเบื้องต้น โดยการตรวจ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ การตรวจเลือดวิเคราะห์เอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจ บางรายทำการตรวจเพิ่มเติม โดยการวิ่งสายพาน หรือ ตรวจภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง ตรวจหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง ตรวจภาพคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหัวใจ ขึ้นกับความเหมาะสมของแต่ละคน หากผลผิดปกติ มาก ก็ จะทำการตรวจยืนยัน โดยการฉีดสีวินิจฉัยหลอดเลือดหัวใจ
ขอขอบคุณบทความจาก : นพ. กิติกร วิชัยเรืองธรรม
อายุรแพทย์โรคหัวใจ ศูนย์รักษาโรคหัวใจ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เทพารักษ์