"กลุ่มโรงพยาบาลจุฬารัตน์มุ่งมั่นให้การดูแลรักษาอย่างมีคุณภาพ สร้างเสริมชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม : โรงพยาบาลจุฬารัตน์ เทพารักษ์ คุณภาพมาตรฐานโลก JCI : สอบถามข้อมูลบริการต่างๆของโรงพยาบาลได้ที่เบอร์ 02-7692900-9, 02-7389900-7, 038-500300-99 หรือ สายด่วน 1609 ตลอด 24 ชั่วโมง"

1609

1609

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2557

จะสังเกตได้อย่างไรว่าเป็นมะเร็งตับ

ส่วนใหญ่มักจะอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยจำนวนมากไม่มีอาการอะไรเลย และถ้ามีอาการเริ่มแรกค่อนข้างจะคลุมเครือ เช่น ผอมลง เจ็บชายโครงขวา อ่อนเพลีย เหรื่อยง่าย ทำงานไม่ค่อยไหว ต่อมาอาการจะชัดเจนขึ้นเมื่อมีความรู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น เบื่ออาหาร จุกเสียด แน่นท้อง น้ำหนักลดมากในช่วงระยะท้าย ๆ และอาการสำคัญคือปวดบริเวณชายโครงขวา และอาจปวดร้าวไปที่ไหล่ขวาหรือบริเวณลำตัวซีกขวาทั้งหมด หรือคลำได้ก้อนที่ชายโครงขวา ในบั้นปลายอาจจะมีไข้เรื้อรัง บางรายอาจมีอาการของตับแข็ง เช่น ขาบวม ท้องบวม ที่เรียกว่าท้องมาน เป็นต้น

          ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นโรคตับแข็งเมื่อเกิดมีอาการเบื่ออาหารน้ำหนักลดลง บวม หรือมีอาการไข้ไม่ทราบสาเหตุ ควรจะรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีมะเร็งตับแทรกซ้อนได้ ในทำนองเดียวกันผู้ที่ไม่มีอาการแต่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งตับ เป็นพาหะเชื้อไวรัสตับอักเสชนิดบี และซี หรือดื่มสุรามาก หรือมีประวัติกรรมพันธุ์คนใกล้ชิดในครอบครัวเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับ ควรปรึกษาแพทย์ และได้รับการตรวจเป็นระยะ ๆ  โดยเจาะเลือดหาระดับแอลฟาฟีโตโปรทีน และทำอัลตราซาวด์ของตับ เพื่อตรวจหามะเร็งตับในระยะต้น ๆ  ได้

ข้อแนะนำสำหรับท่านที่มีความเสี่ยงต่อมะเร็งตับ
          ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นว่า ผู้ที่เป็นพาหะของไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ดื่มสุรามาก หรือมีประวัติมะเร็งตับในครอบครัว ท่านควรจะเอาใจใส่ตนเองเป็นพิเศษควรไปหาแพทย์เป็นประจำ เช่น ทุก 3-6 เดือน เพื่อตรวจร่างกาย และตรวจเลือดดูสมรรถภาพการทำงานของตับ (Liver function test) ระดับแอลฟาฟีโตโปรทีน (alfa – fetoprotein) และการตรวจด้วยคลื่นเสียงตับ (อัลตราซาวด์) จะสามารถตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มต้นได้

ขอขอบคุณบทความจาก นพ.อาทิตย์ ภูผาธรรม
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหารและโรคตับ
โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 กิ่งแก้ว